วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

Jean Jaques Rousseau


ฌอง-ฌาค รุสโซ (Jean Jaques Rousseau) 22 มิถุนายน พ.ศ. 2255 - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2321 เป็นนักปรัชญา นักเขียน กทฤษฎีการเมือง และนักประพันธ์เพลง ที่ฝึกหัดด้วยตนเอง แห่งยุดแสงสว่าง
ปรัชญาของรุสโซ
คำสอนของเขาสอนให้คนหันกลับไปหาธรรมชาติ ( back to nature ) เป็นการยกย่องคุณค่าของคนว่า "ธรรมชาติของคนดีอยู่แล้วแต่สังคมทำให้คนไม่เสมอภาคกัน" เขาบอกว่า "เหตุผลมีประโยชน์ แต่มิใช่คำตอบของชีวิต ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งความรู้สึก สัญชาตญาณและอารมณ์ของตัวเราเอง ให้มากกว่าเหตุผล"
ทฤษฎี "คนเถื่อนใจธรรม"
รุสโซเชื่อว่ามนุษย์นั้นเป็นคนดีโดยธรรมชาติ หรือเป็น "คนเถื่อนใจธรรม" (noble savage) เมื่ออยู่ในสภาวะธรรมชาติ แต่ถูกทำให้แปดเปื้อนโดยสังคม เขามองสังคมว่าเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น และเชื่อว่าการพัฒนาของสังคม โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของการพึ่งพากันในสังคม เป็นสิ่งที่อันตรายต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์
ความเรียงชื่อ "การบรรยาเกี่ยวกับศิลปะและวิทยาศาสตร์" (2293) ที่ได้รับรางวัลของเมืองได้อธิบายความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์นั้น ไม่เป็นประโยชน์กับมนุษย์ เขาได้เสนอว่าพัฒนาการของความรู้ทำให้รัฐบาลมีอำนาจมากขึ้น และทำลายเสรีภาพชของปัจเจกชน เขาสรุปว่าพัฒนาการเชิงวัตถุนั้น จะทำลายโอกาสของความเป็นเพื่อนที่จริงใจ โดยจะทำให้เกิดความอิจฉา ความกลัว และความระแวงสงสัย
งานชิ้นถัดมาของเขา "การบรรยายว่าด้วยความไม่เสมอภาค" ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาและการทำลายของมนุษย์ ตั้งแต่ในสมัยโบราณ จนถึงสมัยใหม่ เขาเสนอว่ามนุษย์ในยุคแรกสุดนั้นเป็นมนุษย์ครึ่งลิงและอยู่แยกกัน มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เนื่องจากมีความต้องการอิสระ (free will) และเป็นสิ่งที่สามารถแสวงหาความสมบูรณ์แบบได้ เขายังได้กลาวว่ามนุษย์ยุคบุคเบิกนี้มีความต้องการพื้นฐาน ที่จะดูแลรักษาตนเองและมีความรู้สึกห่วงหาอาทรหรือความสงสาร เมื่อมนุษย์ถูกบังคับให้ต้องมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากร จึงได้ปรัลเปลี่ยนทางด้านจิตวิทยา และได้เริ่มให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนอื่นๆ ว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการมีชีวิตที่ดีต่อตนเอง รุสโซได้เรียกความรู้สึกใหม่นี้ ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิบานของมนุษย์

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

12 วิชาเลือกของเด็กนอก ที่เด็กไทยต้องร้องว้าววว !

Yearbook Production (การทำหนังสือรุ่น)


วิชานี้คือการสอนขั้นตอนการทำหนังสือรุ่น โดยจะได้เรียนการทำแบบละเอียดสุดๆ ตั้งแต่การเก็บข้อมูลจากเพื่อนๆ การจัดหน้าหนังสือ การออกแบบกราฟฟิค การส่งเข้าโรงพิมพ์ การพิสูจน์อักษร

Photography (การถ่ายภาพ)

การเรียนถ่ายภาพที่ไฮสคูล เค้าเรียนกันตั้งแต่ม.ต้นเลย การเรียนของเค้ามีถึงขั้นการไปออกทริป ส่งประกวดระดับโรงเรียนระดับเขต คนที่สนใจเรียนก็ต้องมีกล้องเป็นของตัวเองสะก่อน จะกล้องแบบไหนก็ได้ เพราะการเรียนภาพถ่ายระดับไฮสคูล เค้าจะสอนกันในระบบเบื้องต้น + มุมมองการถ่ายภาพมากกว่า

Cosmetology (เครื่องสำอางศึกษา)

ชื่อวิชานี้ก็มาจากคอสเมติกซึ่งแปลว่า เครื่องสำอาง นั้นเเหละ แต่ไม่ได้หมายถึงการผลิตเครื่องสำอางออกมาขายนะ แต่ระดับไฮสคูล จะสอนเกี่ยวกับการผสมง่ายๆในเครื่องสำอางที่เราพบเจอกันบ่อยๆ และดูว่าส่วนผสมไหนเหมาะกับผิวไหน เพื่อจะได้ใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสม


Orchestra (ออเครสตร้า)

เหมาะกับคนใจรักเสียงดนตรีที่อยากจะเปล่งเสียงออกมา ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของประเทศตะวันตกที่เค้ามีบุคลากรที่ชำนาญด้านวงออเครสตร้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่จะหาอาจารย์มาสอนออเครสตร้าของไทยยังมีไม่มากนักและลำบากด้วย


Animal care (การดูแลสัตว์)

ซึ่งส่วนมากจะหมายถึงสัตว์พวกหมา แมว กระรอก หรืออะไรที่เราเลี้ยงได้ เพราะคนส่วนมากชอบเลี้ยงสัตว์กันแต่ก็ดูแลสัตว์กันผิดๆ ดังนั้น จึงเหมาะกับคนที่รักสัตว์และพร้อมที่จะเรียนรู้วิธีการดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธี

World Literature (วรรณกรรมโลก)

ในวิชานี้จะได้เรียนกับวรรณกรรมชื่อดังของโลกมากมายหลายประเทศ เช่น Napoleon and Josephine, Romeo and Juliet, Pinocchio พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติของผู้ประพันธ์และวิเคราะห์วรรณกรรมอย่างง่ายๆ

Anatomy (กายวิภาคศาสตร์)

เป็นวิชาสุดมันของนิสิตนักศึกษาแพทย์ศาสตร์ ที่เมืองนอกจะเรียนกันตั้งแต่ไฮสคูล ซึ่งจะแยกวิชานี้ออกเป็นวิชาโดดๆ ต่างจากบ้านเราที่จะไปรวมกันในคาบของวิชาชีววิทยาที่ผ่าหัวใจหมู ... ซึ่งการผ่าเนี่ย จะผ่ากันแบบอลังการมาก เช่น ผ่าซากปลาโลมา ผ่าซากแมว ซึ่งทางโรงเรียนจะมีซากพวกนี้มาใหเราเรียนกัน

Child Service (การดูแลเด็ก)

วิชานี้เหมาะกับคนที่รักเด็กและใจเย็น เพราะจะได้ลองเลี้ยงเด็กกันจริงจังมาก ตอนแรกอาจจะเป็นลูกของครูในโรงเรียนนี้แหละ แต่พอเริ่มเก่งแล้ว อาจจะออกไปตามสถานที่เลี้ยงเด็กต่างๆ เพื่อลองเป็นพี่เลี้ยงเด็กกันจริงๆ

Theatre (การละคร)

เน้นหลักๆที่การแสดงละครเวที ใครถนัดอะไรก็เลือกได้เลย พระเอก พระรอง นางเอก นางรอง นางร้าย ฯลฯ ซึ่งใครมีแววก็จะได้เล่นในงานต่างๆของโรงเรียน ซึ่งสนุกกันมากเพราะเด็กฝรั่งกล้าแสดงออก เล่นที่สุดเหวี่ยง อินได้อีก

Graphic Design (กราฟฟิคดีไซน์)

เป็นวิชาที่น่าสนใจและน่าเรียนมาก เพราะไฮเทคและอินเตอร์สุดๆ แถมยังเก็บเป็นพอร์มฟอลิโอไว้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วย โดยจะเริ่มสอนตั้งแต่โปรแกรมพื้นฐาน Photoshop ไปยัง Illustrator, Maya 3D ซึ่งในเมืองไทยบางโรงเรียนก็มีเปิดสอนแล้ว ถือว่าเป็นประโยชน์กับตัวเอง

Tourism (การท่องเที่ยว)

วิชาที่แสนจะน่าสนใจมาก และหลายคนก็อยากเรียน แต่ไม่ได้มีเฉพาะเที่ยวอย่างเดียว เพราะมันมีมากกว่านั้นและยากกว่านั้น การที่จะเป็นไกด์จะต้องรู้ครอบคลุมจักรวาลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว


Sign Language (ภาษามือ)


จะได้เรียนรู้การใช้ภาษามือสื่อสารเป็นคำๆและเป็นประโยคง่ายๆ วิชานี้เป็นวิชาที่ฮิตมากๆ เพราะถือว่าเป็นวิชาที่แปลกใหม่ เรียนแล้วได้ประสบการณ์เพียบ แถมยัมีโรงเรียนที่เปิดสอนวิชานี้เยอะมาก