วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

3 ช่วงเวลาอ่านหนังสือ ชนะเลิศชัวร์

*ช่วงแรก ช่วงก่อนเปิดเทอมหรือช่วงปิดเทอม
เป็นเวลาแห่งการช่วงชิงความรู้ที่ดีที่สุด หยิบหนังสือเรียนออกมาทั้งหมด วางไว้มุมหนึ่งของโต๊ะ เปิดอ่านวันละนิดละหน่อย ทำความเข้าใจ แม้จะงงๆ อยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ได้อ่านก็พอแล้ว

*
ช่วงที่สอง ช่วงก่อนไปโรงเรียนหรือช่วงก่อนเวลาเรียน
ลองตื่นเช้ากว่าปกติสักครึ่งชั่วโมงเพื่อมาอ่านบทเรียนที่ต้องเรียนในวันนี้ สักยี่สิบนาทีก็พอ อีกสิบนาทีทำตัวขี้เกียจเพื่อให้สมองได้พักผ่อน แบบว่าอ่านแบบชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องเคร่งเครียด หรืออาจจะอ่านก่อนเวลาชั่วโมงเรียน แต่ไม่อยากจะแนะนำสักเท่าไหร่สำหรับคนที่เรียนชั่วโมงต่อชั่วโมง สำหรับคนที่เรียนแบบชั่วโมงนี้เรียน ชั่วโมงนี้ว่าง เหมือนโรงเรียนของต่างประเทศที่เข้าเรียนเป็นวิชาๆ หรือระดับมหาวิทยาลัยใช้ได้ค่ะ แต่อย่าเครียดจนเกินไป แค่อ่านให้รับรู้ว่าเราอ่านมาแล้วก็พอ

*ช่วงที่สาม ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน
อันนี้รู้สึกจะไม่ได้จัดอยู่ในหมวดทำความเข้าใจก่อนเข้าเรียน แต่ถือว่าจำเป็นมากโข เพราะเป็นการทบทวนไม่ให้เราลืมสิ่งที่เพิ่งเรียนไป อ่านแค่พอระลึกชาติก็พอ อย่าเครียดเด็ดขาดเลย

Moi-Même


- Je suis curieuse, sensible, nerveuse, méfiante et gaie.


- Je n'aime pas les gens qui sont capricieux, hypocrites, menteurs, jaloux et égoïstes.


- Je suis gaie, nerveuse et sociable.

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คำศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับหมอ


คลินิก - ไม่ได้หมายถึงสถานพยาบาลหรือร้านที่อาจารย์ไปเปิดกันอย่างเดียว แต่มันหมายถึงการเรียนที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งก็คือการเรียนการสอนในโรงพยาบาลในแง่ของอาการ การวินิจฉัย และการรักษาโรคสำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4-6

พรีคลินิก - อันนี้ก็ไม่ได้หมายถึงการเตรียมตัวก่อนจะเปิดสถานพยาบาลเช่นกัน แต่หมายถึง การเรียนในพื้นฐานเบื้องต้นก่อนที่เราจะเรียนกับผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งก็คือการเรียนการสอนในชั้นปีที่ 1-3
Ward - ( วอร์ด ) หอผู้ป่วย

OPD - Out Patient Department แผนกผู้ป่วยนอก

ER - Emergency Room ห้องฉุกเฉิน

Admit - การอนุญาตให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณจะนอนโรงพยาบาลได้ต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์ก่อน

Round Ward - (ราวน์ วอร์ด) การดูแลผู้ป่วยใน ตามเวลาราชการในแต่ละวัน

อยู่เวร - การดูแลผู้ป่วยนอกเวลาราชการ ถ้าเป็นวันจันทร์ - ศุกร์ ก็จะเริ่มตั้งแต่ 16.00 น. จนถึง 8.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะได้หยุดหลังจากนั้น เราก็ต้องมาทำงานต่อจนถึง 16.00 น.ของอีกวัน หรือจนกว่าจะมีคนมารับเวรต่อจากเราอีกที ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ต้องเริ่มอยู่กันตั้งแต่ 08.00 น.ของวันนี้ไปจนถึง 08.00 น. ของวันต่อไป (อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งท้อถอยกัน เพราะส่วนใหญ่ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนก็ต้องอยู่ประมาณ 7-10 เวรต่อเดือน หรือถ้าบางที่โหดหน่อยหนักหน่อยก็อาจจะถึง 15 เวรต่อเดือนเลยก็มี)

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โยคะช่วยเพิ่มความสูงได้

ท่าสุขอาสนะ : ท่านี้จะต้องนั่งขัดสมาธิกับพื้น หงายฝ่ามือทั้งสองข้างบนเข่า กำหนดลมหายใจเข้า-ออกให้ลึกและสัมพันธ์กัน หายใจเข้า-ออกลึกๆ อย่างน้อย 5 ครั้ง ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะพร้อมๆ กับสูดลมหายใจเข้า ค่อยๆ วางแขนลงช้าๆ ขณะปล่อยลมหายใจออก
ท่าแมว : ท่าสุดท้ายนี้ก็ไม่ยากเช่นกัน จะต้องคุกเข่าโดยให้หัวเข่าสองข้างอยู่ห่างกัน วางมือสองข้างให้ตรงกับหัวไหล่ สูดลมหายใจเข้ายกสะโพกขึ้น พร้อมกับแอ่นตัว แหงนหน้าขึ้น ค่อยๆ ยืดตัวตรง และโก่งตัวขึ้น พร้อมกับก้มศีรษะลง กลับสู่ท่าปกติ



ท่าสามเหลี่ยม : เพียงแค่ยืนแยกขาห่างจากกันประมาณ 90 - 120 เซนติเมตร ให้เท้าทั้งสองข้างขนานกัน หันเท้าซ้ายไปออกจากลำตัว 90 องศา หันเท้าขวาเข้าหาลำตัว 45 องศา หายใจเข้าพร้อมกับยกแขนขึ้นจากข้างลำตัวให้ขนานกับพื้น หายใจออกพร้อมแนบศีรษะให้ติดกับต้นแขนซ้าย ยืดขาซ้ายให้ตรง หายใจเข้าลึกๆ เอนตัวไปทางด้านซ้ายจนสุด ยืดแขนซ้ายมาจับข้อเท้าซ้ายและยกแขนขวาตั้งตรง แหงนศีรษะมองมือขวาและสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆ หลายๆ ครั้ง ทำซ้ำท่าเดิมทางด้านขวา

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

11 วิธีเอาชนะโรค "ภูมิแพ้"

11 วิธีพิชิต "โรคภูมิแพ้”

1. รักษาอาการของท่านด้วยตนเอง โดยหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ให้มากที่สุด และเมื่อมีอาการมาก ท่านสามารถ เลือกใช้ยาแก้แพ้ที่มีขายทั่วไปด้วยตัวท่านเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ยาดังกล่าวแล้ว อาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ท่านควรจะปรึกษาแพทย์

2. ติดเครื่องปรับอากาศในบ้าน เครื่องปรับอากาศ จะทำให้อากาศมีความชื้นต่ำลง ซึ่งเป็นสภาวะที่ตัวไร และเชื้อราไม่ชอบ นอกจากนี้ ยังสามารถกรองฝุ่นได้บางส่วน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ที่รวมเอาเครื่องฟอกอากาศ เข้าไปด้วย รวมทั้งยังสามารถป้องกันเกสรดอกไม้ และเกสรหญ้าต่างๆที่มีอยู่ภายนอกบ้านได้อีกด้วย


3. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศโดยจะต้องเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่เพียงพอกับขนาดของห้องและได้มาตรฐาน เครื่องฟอกอากาศที่ไม่ได้มาตรฐานในการกำจัดฝุ่น นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนฝุ่นที่มีอยู่ในอากาศแล้ว อาจจะเป็นตัวที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้อีก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นไปอีก

4. เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่อับชื้น ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อราผสมอยู่ด้วย เช่น น้ำยาที่มีClorox เป็นส่วนผสม


5. ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรจำกัดบริเวณของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้เข้าไปในห้องนอนของผู้ป่วย จำไว้ว่าการให้สัตว์เลี้ยงของท่านเดินผ่านห้องนอนของท่านเพียงหนึ่งครั้ง จะมีสารก่อภูมิแพ้ในห้องของท่าน ในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ท่านมีอาการไปทั้งอาทิตย์

6. ใช้ผ้าปิดปากและจมูกทุกครั้ง เมื่อจำเป็นจะต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง

7. ให้ผู้อื่นทำงานบ้านแทน หรือจ้างคนรับใช้ เพื่อทำความสะอาดบ้าน บางครั้งค่าจ้างทำความสะอาด อาจมีราคาต่ำกว่า ค่ารักษาที่ท่านต้องเสียไป

8. หลีกเลี่ยงการใช้พรมในบ้าน พรมเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ตัวไร และเชื้อรา จะมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะทำความสะอาดด้วยการนำมาซัก ก็ไม่สามารถกำจัดตัวไรให้หมดไปได้ เนื่องจากความร้อนที่ใช้ไม่สูงพอในการทำลายตัวไร ในทางตรงข้าม กลับจะทำให้พรมมีความชื้นมากขึ้น ถ้าทำให้แห้งไม่ดีพอ และทำให้มีตัวไรและเชื้อรามากขึ้นไปอีก

9. ใช้หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ แม้ว่าตัวไรจะสามารถอาศัยอยู่ในวัสดุสังเคราะห์ได้เช่นกัน แต่หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์สามารถนำมาทำความสะอาดด้วยความร้อนที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่าหมอนธรรมดา ทำให้สามารถทำลายตัวไรได้

10. ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนบ่อยๆในน้ำร้อน นอกจากหมอนแล้ว ตัวไรยังชอบ ที่จะอาศัยอยู่ในปลอกหมอนด้วยเช่นกัน

11. ทำห้องนอนให้เป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ในกรณีที่ไม่สามารถทำให้ทั้งบ้านเป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ได้ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยทั่วไป คนเราจะใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากกว่าห้องอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Kaufhaus des Westens [ เคาฟเฮาส์ เดส เวสเทนส์ ]
หรือที่เรียกติดปากว่า Kadewe ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ได้ชื่อว่าเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (แต่บางแหล่งก็บอกว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากห้าง Harrods ในประเทศอังกฤษ) เปิดในปี 1907 ควบคุมโดย Adolf Jandorf นักธุรกิจชาวเยอรมัน ซึ่งในตอนนั้นพื้นที่ของห้างมีประมาณ 24,000 ตารางเมตร ในปี 1927 ได้เปลี่ยนเจ้าของไปในนามของบริษัท Hertie ซึ่งประธานบริษัทคือ Hermann Tietz โดยได้สร้างชั้นใหม่เพิ่มเข้าไป 2 ชั้น แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับนาซี เวลาต่อมาหุ้นในบริษัท Hertie เริ่มมีปัญหา เนื่องจากผู้ร่วมหุ้นส่วนมากเป็นชาวยิว



ในปี 1943 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินของอเมริกาได้ชนเข้ากับตัวห้าง ทำให้ห้างทั้งห้างถูกไฟไหม้ตั้งแต่ชั้นบนสุดจนถึงล่างสุด จึงได้ปรับปรุงและสร้างใหม่จนสามารถเปิดบริการได้อีกครั้งในปี 1950 ( เพียง 2 ชั้นล่าง ) และก่อสร้างซ่อมแซมจนมีทั้งหมด 7 ชั้นสมบูรณ์ในปี 1956 และค่อยๆ ขยายพื้นที่จาก 24,000 ตารางเมตร เป็น 44,000 ตารางเมตร ในปี 1978 และในปี 1996 ได้เพิ่มเป็น 60,000 ตารางเมตร จนปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการห้างนี้วันละประมาณ 40,000 - 50,000 คน
ชั้นต่างๆ ในตัวห้าง
LG ชั้นเครื่องเขียน
EG เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม สปาเล็บและเท้า
ชั้น 1 เครื่องแต่งกายบุรุษ เช่น D&G Ermenegildo Zegna Fratelli Rossetti Giorgio Armani Hugo
ชั้น 2 เครื่องแต่งกายสตรี เช่น Cheap Monday Guess Moschino Seeberger Vivienne Westwood

ชั้น 3 เครื่องแต่งกายเสื้อผ้าเด็ก ชุดชั้นใน
ชั้น 4 อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
ชั้น 5 ร้านหนังสือ ร้านซีดี อุปกรณ์ดิจิตอล
ชั้น 6 ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ชั้น 7 ภัตตาคารร้านอาหาร





เวลาเปิดปิดของห้าง KaDeWe
จันทร์ - พุธ 10 โมงเช้า - 2 ทุ่ม
พฤหัสบดี - ศุกร์ 10 โมงเช้า - 4 ทุ่ม
เสาร์ 9 โมงครึ่ง - 4 ทุ่ม
อาทิตย์ ปิด

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ภารกิจเด็กเตรียมเอ็น.

สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวก่อนเป็นเด็กเอ็น.เพื่อนๆลองมาดูขึ้นตอนการเตรียมตัวของอีฟกันนะค่ะ เผื่อเพื่อนๆจะเอาไปเปลี่ยนแปลงใช้กับตนเองกันดู เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองนะค่ะ.

1. เราต้อง ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวางแผนตัวเอง.ลองหยิบกระดาษมาหนึ่งใบแล้วรองเขียนว่าในเจ็ดวันเสาร์-อาทิตย์ในเวลาเหล่านั้นเราต้องทำอะไรบ้างแล้วลองเช็คเวลาที่เราชอบอ่านหนังสือ เหมือนกับว่าเราทำตารางประจำวันนะค่ะ ลองเขียนคราวๆก่อน เช่นทุกวันเสาร์ว่าง 13.00 - 16.00 เป็นต้น

2. เราต้อง รู้ตัวเอง และมีเป้าหมาย.เราพลิกกระดาษไปอีกด้านเพื่อความไม่เปลืองทรัพยากรธรรมชาติ เขียนลงไปเลยว่าอยากเรียนอะไรแต่ต้องแบ่งให้เป็นส่วนๆ อย่าเขียนลกนะเดี๋ยวพอตอนรวมจะสับสนนะค่ะ

3. เราต้อง ตรวจสอบดูว่าเราอ่อนวิชาไหน แล้วเราต้องการแข็งวิชาไหนเป็นพิเศษ.ลองหยิบกระดาษมาอีกใบ แล้วเขียนลงไปเลยว่าวิชาที่เราต้องอ่านมีวิชาอะไรบ้างลิสต์เป็นรายการๆเลยอย่างเช่น อีฟเรียนแผนการเรียน ศิล-คำนวณ และ คณะที่ต้องการเข้าก็เป็นสายศิลป์ซะส่วนมากก็จะเน้น สังคม - ภาษาไทย ที่จะต้องอ่านมากกว่าวิชาอื่นๆ

4. เราต้องตรวจนับวันเวลาที่หลงเหลืออยู่ให้เราได้เตรียมตัวกับมัน.พลิกกระดาษด้านหลังอีกใบ แล้วนับวันเวลาก่อนถึงวันสอบ o-net ว่ามีกี่วันอาจจะนับทุกวันหรือจะนับแค่คราวตัดออกบางส่วนเพื่อเราไม่ได้อ่าน เพราะอาจจะมีบ้างวันที่เราต้องติดธุระจริงๆ

5. เราต้องจัดเตรียมหนังสือทังหมดที่เราต้องการ.หยิบกระดาษอีกทีหรือถ้ามีที่ว่างก็ใช้ได้นะ เช็ควันเวลาวิชาทั้งหมดว่าเหลือเวลากี่วันถึงจะอ่านหนังสือที่เราต้องการรับรู้มันให้หมดทันเวลา เช่น มีเวลา 10 วัน อ่าน 3 วิชา วิชาแรก 2 หน้า วิชาที่สอง 3 หน้า วิชาที่สาม 3 หน้ารวมต้องอ่านหนังสือ 8 หน้า ภายใน 10 วัน นับ วันไปหารกับหน้าหนังสือที่เราต้องอ่านก็จะได้หน้าที่ต้องอ่านต่อวันค่ะโดยการอ่านเราสามารถแยกได้คืออ่านวิชาเดียวให้จบทีเดียวคือทยอยอ่านทีละวิชา กับ อ่านคละๆกันให้จบพร้อมกันค่ะขึ้นอยู่กับความชอบความถนัดของแต่ละคนนะค่ะ

6. เราต้องมีอาวุธเครื่องเขียนำคัญคู่การ.ปากกาน้ำเงิน ปากกาแดง ปากกาสี ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด เตรียมมันให้หมดค่ะเพราะมันเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เราพิชิตความฝันได้ค่ะ.

7. เราต้องจัดการสิ่งที่เราเขียนเมื่อกี้รวมไว้เป็นแผนเดียวกัน.เขียนเป็นตารางเลย วิชาที่ต้องอ่านมีอะไรบ้าง วิชาหนึ่งมีเวลาอ่านกี่วันวันหนึ่งต้องอ่านวิชาอะไรบ้าง ข้อความเตือนใจที่จะเป็นแรงปลุกใจ คณะที่ชอบ หรือ ข้อความให้แรงบรรดาลใจ เขียนมันไปเลยค่ะ.

8. ลงมือทำ.ข้อนี้ยากใช่ไหมค่ะ แต่เราต้องทำค่ะ ทำในให้ได้ ค่อยๆทำวันไหนอ่านไม่ไหวก็พักแต่เราก็มองไปที่ข้อความบรรดาลใจในกระดาษใบนั้น แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆนอนพักแล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่นะค่ะ.

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จำให้เป็นจังหวะ ยังไงก็ไม่ลืม



แปลกนะ ทั้งๆ ที่เนื้อหา หรืออย่างอื่นก็จำไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเป็นเพลงหรือท่องอะไรที่เป็นจังหวะ เรายังจำได้ถึงทุกวันนี้ แถมจำได้เร็วกว่าท่องธรรมดาด้วยซ้ำ

นั่นเพราะการจำด้วยจังหวะ หรือทำนอง เกิดจากสมองส่วนความรู้สึกซึ่งลืมยากค่ะ ถ้าเกิดอยากจะจำอะไรให้ได้นานๆ ก็ลองใส่เป็นเพลงหรือเป็นทำนองเข้าไป อย่างตอนอนุบาลที่เราท่อง A-Z หรือ ก-ฮ แล้วใส่ทำนองหรือร้องเป็นเพลงไปด้วย น้องๆจะรู้สึกว่าง่ายและสนุก และจำพยัญชนะทั้งหมดได้เร็วกว่าท่องเฉยๆใช่ไหมคะ

ที่สำคัญ จังหวะก็คืออาการนั่นเองค่ะ ซึ่งการจำเป็นอาการจะไม่ค่อยลืมกัน อย่างเช่น น้องที่ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ ถ้าเล่นหรือทำเป็นประจำจนจำได้ ต่อให้เลิกไปนานแค่ไหน กลับมาเล่นอีกทีก็ยังเล่นได้อยู่ ซึ่งตรงนี้สำคัญมากนะคะ เพราะถ้าเราไปจำมาผิดๆ แล้วสมองเราบันทึกถาวรไปแล้ว เวลาจะไปลบออก ทำได้ยากมากนะนั่น !!!

อย่างน้องๆ หลายคนตอนนี้ เวลาจำสูตรเลข สูตรเคมี สูตรฟิสิกส์ จำเนื้อหา จำศัพท์ ก็จำแบบเป็นเพลง ใส่ทำนองกันแล้ว พี่แนนฟังแล้วบางทีสนุกกว่าเพลงนักร้องอาชีพอีก แต่มีเนื้อหาสาระออกสอบทั้งนั้นเลย อิอิ ขนาดโฆษณาในโทรทัศน์ เค้ายังทำทำนองใส่เบอร์โทรศัพท์ ทำให้จำง่ายกว่าท่องตัวเลข 9 ตัว ฟังแป๊บเดียวก็จำได้แล้ว แต่ดันจำไม่ได้ว่าเบอร์โทรศัพท์ของอะไรนี่สิ
การจำเป็นจังหวะ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การจำเรื่องอะไรสักเรื่องให้ง่ายขึ้น แถมจำได้ไวกว่าการจำในแบบปกติ ซึ่งตอนนี้ก็นิยมใช้กันเยอะเลย ชาวเด็กดีลองนำไปใช้กันดูนะคะ หรือใครมีการท่องจำอะไรให้เป็นจังหวะหรือร้องกันเพลงเพลง หรือใครยังจำอะไรที่นานมากๆ แล้วได้ ลองมาคุยกันนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สปาที่ฮังการี ดูดีที่สุดในโลก !

ฮังการีเป็นประเทศที่อยู่ในยุโรปตะวันออกซึ่งเพิ่งจะเปิดกว้างสู่โลกภายนอกมาเมื่อไม่นานนี้ (หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย) มีเมืองหลวงที่มีชื่อว่าบูดาเปสต์ สิ่งหนึ่งในบูดาเปสต์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากเห็นจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน เนื่องจากมีจำนวนเยอะมากจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนมากที่สุดในโลกเพราะมีมากกว่า 120 บ่อ จนได้รับสมญานามว่า "เมืองแห่งสปา"

ไหนๆ ก็มาถึงเมืองแห่งสปาแล้ว ก็พลาดไม่ได้ที่จะไปเยือนสปาที่ได้ชื่อว่าทั้งใหญ่และสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกที่ Gellért Spa (เกลเลิท สปา) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 โดยเริ่มก่อตั้งเป็นโรงแรมเอกชน ซึ่งในปัจจุบันยังแบ่งส่วนเป็นโรงพยาบาลที่ช่วยรักษาคนไข้ในการมาพักฟื้นใช้สปาบำบัดอีกด้วย ว่ากันว่ารัฐบาลฮังการีนั้นจะจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งให้กับประชาชนว่าในรอบ 1 ปี หากใครต้องการใช้สปาบำบัด ก็สามารถเข้ามาใช้บริการฟรีๆ ได้ภายในวงเงินที่กำหนด

เรียกได้ว่าถ้าใครได้มาใช้บริการ ก็เป็นต้องอึ้งกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามกันทุกราย ด้านในนั้นมีน้ำจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากถึง 11 บ่อที่หมุนเวียนให้บริการลูกค้า โดยเป็นน้ำในบ่อนั้นเป็นน้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาเกลเลิทนั่นเอง ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าอยากจะแหวกว่ายแบบ Indoor หรือ Outdoor
ขอบอกว่าไม่ได้มีแค่สปาบ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น ยังมีร้านเสริมสวย คลีนิคทำฟัน อาหารบุฟเฟ่ต์ นวดแผนโบราณรวมถึงนวดแบบไทยๆ ไว้คอยบริการอีกด้วย แต่ราคาเห็นแล้วต้องขอแอบโบกมืออำลาชั่วคราว เพราะอยู่ที่ชั่วโมงละ 10,000 ฮังการีโฟรินท์ หรือประมาณเกือบๆ 1,800 บาท

สำหรับเวลาเปิดปิดนั้น เปิดบริการตั้งแต่ 6โมงเช้าถึง 1 ทุ่มในวันธรรมดา แต่สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดถึง 6 โมงเย็นเท่านั้นค่ะ ส่วนค่าเข้านั้นอยู่ที่ 3,100 ฮังการีโฟรินท์ หรือประมาณ 13 ยูโร (ประมาณ 600 กว่าบาท) สำหรับบรรยากาศดีๆ ภายใต้สถาปัตยกรรมสวยๆ อย่างนี้ถือว่าไม่แพงเลยล่ะ

หน้าหนาวอย่างนี้ การลงไปนอนแช่เล่นในบ่อน้ำพุร้อนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่น่าพลาด แต่จะให้บินไปถึงฮังการีเลยก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะฉะนั้นลองหาเวลาว่างในวันหยุดนอนแช่ในน้ำอุ่นสบายๆ ดูละกันนะคะ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

5 ความเชื่อเรื่องสุขภาพที่ "โกหก"


"เชื่อว่าเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว ผมและเล็บของคนเราก็ยังจะงอกออกมาเหมือนปกติ"
ความจริงของเรื่องนี้ >> ขอบอกว่าไม่เป็นความจริงจ้ะ เพราะเมื่อเราเสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะทุกอย่างในร่างก่ายก็จะหยุดการทำงาน แต่ที่เราคิดว่าผมและเล็บงอกออกมานั้นก็มาจากผิวหนังบริเวณเล็บและหนังศีรษะเป็นเนื้อเยื่ออ่อนที่จะหดตัวตามธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกว่าผมและเล็บงอกยาวขึ้นได้เอง


"อ่านหนังสือในที่มืดๆ จะทำให้สายตาเสีย"
ความจริงของเรื่องนี้ >> การอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงไฟไม่เพียงพอนั้น จะส่งผลทำให้ตาต้องปรับโฟกัสการมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการตาแห้ง เมื่อยล้าได้ง่าย และเนื่องจากต้องใช้สายตาในการเพ่งมาก จึงทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักกว่าปกติ



"ถ้าเผลอกลืนหมากฝรั่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้"
ความจริงของเรื่องนี้ >> น้องๆ เคยกลืนหมากฝรั่งลงท้องกันบ้างรึเปล่าจ๊ะ ถ้าเคยล่ะก็ไม่ต้องว่ากลัวหมากฝรั่งจะไปเกาะติดอยู่ในท้องของเรานะจ๊ะ เพราะระบบย่อยอาหารสามารถย่อยหมากฝรั่งได้ภายใน 24 ชั่วโมง และขับถ่ายออกมาจากร่างกายตามปกติ แต่หมากฝรั่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักมากกว่าปกติ เนื่องจากหมากฝรั่งมีส่วนผสมของยางนั้นเอง


"การดึงและหักนิ้ว จะทำให้เป็นโรคข้ออักแสบและข้อเสื่อมได้"
ความจริงของเรื่องนี้ >> การดึงและหักนิ้ว จะเป็นการบิดและดึงทำให้น้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างกระดูกเกิดแรงดันกลายเป็นฟองอากาศจนเกิดเสียงขึ้น ซึ่งการดึงและหักนิ้วจะไม่ใช่สาเหตุทื่ทำให้เกิดโรคข้ออักแสบและข้อเสื่อมได้ แต่จะทำให้เอ็นรอบๆ ข้อสูญเสียความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้



"กินไอศกรีมโยเกิร์ตช่วยลดความอ้วน และดีต่อสุขภาพด้วย"
ความจริงของเรื่องนี้ >> การกินไอศกรีมโยเกิร์ตจะดีกว่าไอศกรีมทั่วไปในเรื่องของปริมาณพลังงานและไขมัน แต่ถ้าน้องๆ ดูเรื่องของประโยชน์ที่จะได้รับล่ะก็ ควรที่จะกินโยเกิร์ตธรรมดาดีกว่านะ เพราะกว่าที่จะไอศกรีมโยเกิร์ตมานั้นต้องผ่านกระบวนการผลิตและปั่นมาหลายขั้นตอน ทำให้จุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพหายไปหมดแล้ว

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กินผักบุ้งทำให้ตาหวานจริงเหรอ?

เชื่อหรือเปล่าว่า "กินผักบุ้งแล้วตาจะหวาน" เหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนมักพูดกันทีเล่นทีจริง ถ้าอย่างนั้นเต่าที่กินผักบุ้งก็คงตาหวานกันทุกตัวอย่างนั้นสิ วันนี้เรามีเกร็ดน่ารู้ดีๆ มาฝากกันจ้า แล้วที่จริงแล้วกินอะไรถึงบำรุงสายตา

นายแพทย์คำนูณ อธิภาส ผู้อำนวยการศูนย์เลสิกกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวเราะร่วนก่อนให้คำตอบว่า จริงๆ แล้ว ตาของคนเราต้องการวิตามินหลายชนิด "ผักบุ้งอย่างเดียวคงไม่พอนะ"




เริ่มตั้งแต่ "วิตามินเอ" ที่มีผลต่อเรตินาหรือจอรับภาพ ผิวกระจกตา ผิวเยื่อบุ ขณะที่ "วิตามินซี" ก็จะเกี่ยวข้องกับน้ำตา ผิวกระจกตา และเส้นใยคอลลาเจนในตาดำ ส่วน "วิตามินบี" จะมีผลต่อความไวของประสาทเกี่ยวกับการส่งสัญญาณไปยังสมอง

"ด้วยความที่เราต้องการวิตามินเยอะมาก ดังนั้น จึงต้องรับประทานพืชผักหลายชนิด อย่าง แครอท หรือผักบุ้งก็จะประกอบด้วยวิตามินหลายอย่าง แต่ผมคงไม่ได้เจาะจงว่าให้กินผักบุ้งอย่างเดียว ควรจะกินอาหารหลายๆ อย่าง ให้ครบหมวดหมู่ตามที่ร่างกายต้องการจะดีกว่า" คุณหมอยิ้มแถมด้วยคำอธิบายเล็กๆ เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า หากสายตาสั้นตอนเด็ก แก่ตัวไปสายตาก็จะยาว ทำให้สายตากลับมาสมดุลปกติ

"อาการสายตายาวแบบผู้สูงอายุ หรือที่เรียกว่า presbyopia คือ 'ดูไกลชัดแต่ดูใกล้ไม่ชัด' มักจะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงอายุ 40 ปี หลายคนคิดว่าพอสายตายาวในตอนแก่แล้ว จะทำให้สายตาสั้นที่มีอยู่เดิมก่อนหน้านี้หายไปได้ จริงๆ แล้วไม่ถูกต้อง เพราะสายตาสั้นของเก่าก็จะยังอยู่เหมือนเดิม แต่จะเกิดอาการสายตายาวเกิดซ้อนขึ้นมาด้วย นั่นยิ่งทำให้แย่มากกว่าเดิมเสียอีก จึงควรเข้ารับการรักษา อาจต้องหาแว่นตามาสวม หรือใช้วิธีการรักษาอื่นๆ ก็ว่ากันไป"

แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะเลือกที่จะใช้แว่นตา หรือคอนแทคเลนส์มากกว่าวิธีอื่น อาจด้วยราคาที่ถูก และคิดว่าตาก็ดีๆ อยู่แล้ว ทำไมต้องไปทำอะไรกับมันให้วุ่นวาย ต่างจากมุมมองของจักษุแพทย์ที่เห็นว่าแม้สายตาสั้น-ยาว จะเป็นตาที่มีสุขภาพดีจริง แต่ถือว่ามีความผิดปกติที่น่าจะได้รับการแก้ไข

"คนทั่วไปมองว่าสายตาสั้นนิดยาวหน่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็ตาดีๆ อยู่ จะไปทำอะไรกับมันทำไม จริงๆ สายตาสั้น ยาว เอียง เป็นตาที่มีสุขภาพดี แต่ถ้าในวงแพทย์จะถือว่าเป็นความผิดปกติ สมมติเรามีสายตาสั้น 500 ระยะใกล้ที่มองเห็นได้ชัดที่สุดต้อง 20 เซนติเมตร นั่นทำให้สมรรถภาพในการมองเห็นของเราด้อยลงไป"

การเข้ารับการรักษาให้ตามองเห็นได้ชัดเจนในระยะที่สมควรจะเป็น จึงเป็นการแก้ความผิดปกติ บางคนอาจมองว่าเป็นการเสริมความงามให้กับตัวเองเกินไปหรือเปล่า คุณหมอหยุดคิดก่อนจะทิ้งท้ายว่า "ก็เป็นส่วนหนึ่งนะ อย่างปัจจุบันคนอเมริกันทำเลสิคไปแล้ว 4 ล้านคน เหตุผลเหมือนกันเลยคือ..ไม่อยากใส่แว่น" ตรงกันข้ามบางคนอาจคิดว่า ใส่แว่นแล้วดูคงแก่เรียน และน่าเชื่อถือก็มี

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เตือนภัย : ล้างหน้าไม่สะอาดระวังโรค ฝีที่เปลือกตา

เมื่อเช้านี้เปิดหน้าหนังสือพิมพ์ก็ไปเจอกับข่าวของพ่อหนุ่ม 'เลโอ' แห่งวง บีโอวาย ที่เกิดอาการป่วยกะทันหันจากอาการตาอักเสบจนต้องเข้าไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล สืบเนื่องจากอาการดังกล่าวแพทย์ผู้ทำการรักษาได้กล่าวถึงสาเหตุเป็นฝีที่เปลือกตา (meibumion) ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการใช้เครื่องสำอาง ที่ไม่ค่อยสะอาด ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกไปอุดตันที่รูขุมขนลามมาเปลือกตาด้านในและเกิดเป็นหนองขึ้น โดยวิธีการรักษานั้นทำได้โดยการให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเจาะหนองที่เปลือกตาออก
จากอาการป่วยดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ความสะอาดของเครื่องสำอาง และการทำความสะอาดใบหน้าหลังจากการใช้เครื่องสำอางค์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเครื่องสำอางไม่สะอาดพอและทำความสะอาดใบหน้าหลังการแต่งหน้าได้ไม่ทั่วถึง ก็อาจจะทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีและเมื่อเกิดการหมักหมมในปริมาณมากก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับผิวหน้าและบริเวณสำคัญ เช่น ดวงตาได้

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

1 ปี คนไทยอ่านหนังสือกี่เล่ม ?


จากผลวิจัยพบว่า เด็กที่ถูกปลูกฝังการอ่านจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด จะมีพัฒนาการที่ดีในทุกด้าน ทั้งสติปัญญา ทักษะทางภาษา คณิตศาสตร์ ด้านอารมณ์ และคุณธรรม
หนังสือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของความรู้มหาศาล และการที่เราได้อ่านหนังสือดีๆ สักหนึ่งเล่ม จะทำให้ไฟในการอ่านในตัว ถูกจุดขึ้นมา ดังนั้นรีบลองค้นหาหนังสือดีๆ จากเพื่อนๆ พี่ๆ เสีย เพราะยังมีหนังสือดีๆ เล่มต่อๆ ไป รอให้เราเปิดอ่านอยู่ รัฐบาลได้ประกาศเรื่อง การส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้เริ่มในวันหนังสือเด็กแห่งชาติ 2 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา และเริ่มโครงการเสริมการอ่าน ด้วยการส่งเสริมให้เกิดหนังสือดีราคาถูก ถึงมือเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง

แต่อัตราการอ่านหนังสือของคนไทยเฉลี่ยกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม โดยมีอัตราการอ่านหนังสือ 5 เล่มต่อคนต่อปี อัตราการซื้อหนังสือ 2 เล่มต่อคนต่อปี

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สิงค์โปร์และเวียดนาม มีอัตราการอ่านเฉลี่ย 40-60 เล่มต่อคนต่อปี อีกทั้งหนังสือที่คนไทยส่วนใหญ่อ่านคือตำราเรียน ซึ่งส่วนมากเกิดจากความจำเป็นอีกด้วย อัตราที่น้อยนิดนี้ ยังมีแนวโน้มลดลงตามลำดับเมื่อมีอายุสูงขึ้นด้วย


เป็นอัตราส่วนที่น่าใจหายแวบทีเดียว เพราะการอ่านเปรียบเหมือนการเพิ่มพูนความรู้ของเราให้ก้าวหน้า กว้างไกลยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังปลูกฝังนิสัยดีๆ ต่างๆ เช่น รู้จักการยอมรับ ส่งเสริมจินตนาการ รักการอ่าน มีสมาธิ ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นอนไม่พอ ต้องทำแบบนี้

เมื่อไรก็ตามที่รู้ว่าต้องนอนดึกหรือต้องอดนอน... น้องๆ ควรนอนให้นานกว่าเดิมวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วันก่อนถึงเวลาต้องอดนอนจริงๆ เพื่อสะสมชั่วโมงการนอนไว้ และหลังจากที่ต้องอดนอนแล้ว ควรพยายามนอนให้ได้คืนละ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยค่ะ


หากว่าเราทำได้ จะทำให้ร่างกายของเราสดชื่น สมองปลอดโปร่ง และปราดเปรื่องแล้ว หน้าตายังบ้องแบ๊วสดใสอีกด้วย ใครที่อดนอนบ่อยๆ จนชิน ลองฝึกชดเชยชั่วโมงการนอนดูบ้าง จะพบว่า หน้าใสกิ๊ง สมองก็วิ๊งสุดๆ อีกด้วย ไม่เชื่อต้องลอง !!!


ส่วนคนที่ยังคงอดนอนต่อไปเรื่อยๆ โดยในหนึ่งสัปดาห์นอนดึกทุกวัน แถมยังไม่เพิ่มชั่วโมงการนอนเพื่อชดเชยชั่วโมงที่เสียไปอีกละก็ น้องๆ จะพบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่มองเห็นได้ชัดเจนมาก นั่นคือ ขอบตาคล้ำ ถุงใต้ตาดำและบวม ผิวหน้าแห้งหยาบกร้านขาดความชุ่มชื้นสดใส และที่เพิ่มมาอย่างห้ามไม่ได้ก็คือ "พุง"

การนอนดึกหรืออดนอนเป็นประจำทำให้อ้วนได้อีกด้วย เพราะเมื่อต้องนอนดึกด้วยกิจกรรมอะไรก็ตาม วัยรุ่นวัยกำลังกินกำลังนอนและกำลังโตอย่างเราๆ นี่แหละค่ะ จะขาดของขบเคี้ยวหรือแม้แต่อาหารมื้อเบามื้อหนักไปไม่ได้ ยิ่งนอนดึกก็ยิ่งกินเก่ง แถมบางคนนอนดึกเพราะนั่งแช่ก้นอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ นั่นจะยิ่งทำให้สิ่งที่กินลงไปไหลลงไปสะสมพอกพูนอยู่ที่หน้าท้อง และต้นขา สุดท้ายสิ่งที่ตามมาคือ "อ้วน" เสียแล้ว...


ที่สำคัญ ยามที่สมองล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อถึงเวลาต้องกิน ไม่ว่าคนที่เคร่งครัดเรื่องอาหารการกินขนาดไหนก็ตาม มักจะขาดความยับยั้งชั่งใจไปได้ เราอาจจะเผลอกินสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดอย่างแป้งและน้ำตาล เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นให้แก่ร่างกาย หรือคิดเพียงว่า อะไรก็ได้ กินไปเถอะ ง่วงจะแย่แล้ว...


สุดท้าย... เมื่ออดนอนนานๆ เข้า ไม่ว่าจะหยิบจับคิดอ่านอะไรก็ช้าล้าไปเสียหมดทั้งกายและใจ นั่งฟังเพื่อนคุยไป อาจารย์สอนไป ก็ "หาว" ไปเพลินๆ แบบนี้... นอกจากเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ดีแล้ว ยังเสียบุคลิกอีกด้วยนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรู้รอบตัว...ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน


1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...

2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...

3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...

4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์

5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...

6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...

7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...

8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3ครั้งในชีวิต...

9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...

10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...

11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...

12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...

13.ฮิปโปผายลมทางปาก...

14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...

15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...

16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...

17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...

18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...

19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...

20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที

21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...

22.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา

23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...

24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...

25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...

26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...

27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน

28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที

29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา

30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว

31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed

32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น

33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์


34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม

35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น

36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ

37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง

38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)

39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต

40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว

41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700เท่าตัว

42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา

43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน

44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982

45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่30.59.27 ชม.

46.ตอนที่ f4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2

47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต

48.โดนัลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน

49.ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท)

50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128ครั้ง

51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู

52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม

53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่

54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้

55.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่

56.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว

57.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง

58.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้

59.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

60.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย

61.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี

62.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ

63.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ

64.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว

65.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้ง
หมด

66.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน

67.รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)



วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง


อย่างที่เราทราบกันว่าการออกกำลังพอประมาณเป็นคุณแก่สุขภาพ ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายตามปกติแล้ว นักวิจัยด้านพลศึกษาฯ ในสหรัฐฯ ระบุว่าเราควรจะเดินให้ได้นานอาทิตย์ละ 150 นาที เฉลี่ยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน
นักวิจัยของคณะพลศึกษาและโภชนาการศาสตร์ มหาวิทยาลัยซาน ไดโก สเตท ยังคำนวณออกมาได้ว่า คนเราควรจะออกกำลังเดินทุกวัน ด้วยความเร็วในอัตราอย่างต่ำนาทีละ 100 ก้าว โดยสำหรับผู้ชาย อาจจะอยู่ในอัตรานาทีละ ระหว่าง 92-102 ก้าว ขณะที่ผู้หญิง อยู่ในอัตรานาทีละระหว่าง 91-115 ก้าว จึงจะเป็นการออกกำลังอย่างหนักหน่วงพอประมาณ

วารสารวิชาการ "เวชศาสตร์ป้องกันแห่งอเมริกา" รายงานว่า ดร.ไซมอน เจ มาร์แชลล์ ผู้ตรวจชั้นนำ กล่าวว่า "เราเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ ช่วยยืนยันข้อแนะนำในเรื่องการออกกำลังด้วยการเดินให้ได้ 100 กว่าก้าวในหนึ่งนาที ตามคำแนะนำของการให้ออกกำลังขนาดพอ ประมาณ"

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

10 ขนมอันตราย

อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ ของราชพฤกษ์โพล คณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน ในพื้นที่17 เขตของกรุงเทพมหานคร พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป ซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกาย อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้



10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้


1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโตป้ง
2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้มป้ง
3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวกี่
4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่ษ
5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง
6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก
7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ
8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา
9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา
10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ


วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

อ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน !!



1. เลือกเวลาที่เหมาะสม

เวลาที่เหมาะสมหมายถึง เวลาที่เราอยากจะอ่านหนังสือ หรือว่างจากงานอื่น หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด ซึ่งเวลาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคน ต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง และควรจัดเวลาอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง


2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน


3. ลงมือทำ
ข้อนี้สำคัญมาก คือ ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และต้องจริงจัง


4. ตรวจสอบผลงาน
ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ เมื่ออ่านแล้วก็ต้องจดบันทึกไว้ด้วย เพราะจะได้รู้ว่า อ่านไปถึงไหนแล้ว และได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นเอง แล้วทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง จะได้เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ หรืออ่านตอนใกล้สอบ

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

กว่าจะมาเป็น "น้ำยาลบคำผิด"


เคยสงสัยไหมคะว่า “น้ำยาลบคำผิด” หรือ “correcting fluid” ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง มาจากที่ไหน และใครเป็นคนคิดค้นขึ้นเป็นคนแรก …


เรื่องก็มีอยู่ว่า อนงค์นางหนึ่งมีนามว่า นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม (Bette Nesmith Graham) ทำงานในหน้าที่เลขานุการเวลาที่เธอพิมพ์งานผิด เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิดซึ่งเธอใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบทำให้การทำงานทั้งล่าทั้งช้าและไม่เรียบร้อย ต่อมามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าออกมาใช้ คราวนี้เธอเผชิญปัญหาหนักกว่าเก่า เพราะไม่สามารถใช้ยางลบดินสอลบทำผิดได้อีกต่อไป ต้องพิมพ์ใหม่สถานเดียว
เมื่อต้องประสบกับปัญหานี้อยู่บ่อยครั้งเธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา ในปี ค.ศ.1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงในขวดน้ำยาทาเล็บ ใช้พู่กันป้ายสีน้ำสีขาวลงบนกระดาษ แค่ก็สามารถลบคำผิดได้และพิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ใช้ง่าย รวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่ามีประสิทธิภาพ

ความนิยมเริ่มเกิดขึ้นเมื่อบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอเห็นเช่นนั้น ก็ขอน้ำยาลบหมึกของเธอมาใช้กันบ้าง และนี้ก็คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด correcting fluid
ต่อมาเมื่อมีความต้องการน้ำยาป้ายคำผิดมากๆ นางเกรแฮมจึงพัฒนาสีน้ำสีขาวและทำการผลิตที่บ้านออกจำหน่าย ด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่น กรอกใส่ขวดยาทาเล็บ เป็นอุสาหกรรมครอบครัวยาวนานถึง 17 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1979 เธอได้ขายกิจการให้บริษัทยิลเล็ต (Gillette) ในราคาที่สูงถึง 47.5 ล้านดอลลาร์ โดยสามารถผลิตน้ำยาลบคำผิดได้ถึง 25 ล้านขวด ออกจำหน่ายไปทั่วโลก

จากปัญหาเล็กๆ ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สัญญาณเตือนจาก"เล็บ"

อย่าคิดว่าเล็บไม่มีความสำคัญ เห็นเป็นแค่ส่วนเกินของนิ้วมือเท่านั้น

เล็บมีส่วนประกอบหลักของสารโปรตีนประเภท "เคราติน" (Keratin) ในคนที่มีสุขภาพปกติ เล็บจะมีสีชมพูอ่อนๆ เสมอกัน เนื้อเล็บแข็ง เรียบ ลื่น แต่ถ้าเล็บเริ่มมีรูปร่างหรือสีแปลกไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า อาจเกิดความผิดปกติหรือโรคภัยบางอย่าง

1.เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ

2.เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง

3.เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%

4.เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง

5.เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด

6.เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก จะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี

7.เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือกำลังมีปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น

8.เล็บมีลักษณะสีดำ ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก ต่อไปเวลาตัดเล็บ อย่าลืมสังเกตความผิดปกติของสีเล็บด้วยทุกครั้ง ถ้าพบความผิดปกติดังที่กล่าว ปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"เบบี้ออยล์" มีไว้ยังไงก็คุ้ม

ทำผิวสวยใส :: หลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังเปียกๆ อยู่ให้สาวๆ นำเบบี้ออยล์มาชโลมให้ทั่วตัว วิธีนี้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งแตก แถมยังนุ่มน่าสัมผัสอีกด้วย

นวดตัว :: เบบี้ออยล์สามารถใช้ร่วมกับการทำสปาแบบง่ายๆ ที่บ้านได้นะคะ นำเบบี้ออย์มานวดตัวร่วมกับสมุนไพร เช่น ขมิ้น มะขามเปียก ฯ จะช่วยให้สาวๆ รู้สึกผ่อนคลายแถมยังเป็นการช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวที่อาจถูกทำลายจากมลพิษได้อีกด้วย
ทำความสะอาดเครื่องสำอาง :: โดยเฉพาะสาวๆ ที่ใช้อายไลน์เนอร์ สาวๆ สามารถใช้เบบี้ออยล์หยดลงไปในสำลี แล้วเช็ดรอบดวงตาเพื่อกำจัดคราบเครื่องสำอางได้ค่ะ เบบี้ออยล์จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นบริเวณรอบดวงตา และทำให้ไม่เกิดรอยย่นบริเวณรอบดวงตาอีกด้วยค่ะโดยเฉพาะสาวๆ ที่ใช้อายไลน์เนอร์ สาวๆ สามารถใช้เบบี้ออยล์หยดลงไปในสำลี แล้วเช็ดรอบดวงตาเพื่อกำจัดคราบเครื่องสำอางได้ค่ะ เบบี้ออยล์จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นบริเวณรอบดวงตา และทำให้ไม่เกิดรอยย่นบริเวณรอบดวงตาอีกด้วย

นอกจากจะใช้เบบี้ออยล์กับส่วนร่างกายของเราแล้ว เบบี้ออยล์ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง

ในครัว :: เบบี้ออยล์ช่วยขัดเงาพื้นผิวโลหะได้ดีเบบี้ออยล์ช่วยขัดเงาพื้นผิวโลหะได้ดี ถ้าอ่างล้างจานหรือหัวก๊อกน้ำที่บ้านของสาวๆ ออกจะหมองๆถ้าอ่างล้างจานหรือหัวก๊อกน้ำที่บ้านของสาวๆ ออกจะหมองๆ ไปสักหน่อยไปสักหน่อย ลองใช้เบบี้ออยล์ชัดเงามันดูนะลองใช้เบบี้ออยล์ชัดเงามันดูนะ เริ่มด้วยการล้างอ่างและหัวก๊อกให้สะอาดเริ่มด้วยการล้างอ่างและหัวก๊อกให้สะอาด เช็ดให้แห้งเช็ดให้แห้ง แล้วใช้ผ้านุ่มๆแล้วใช้ผ้านุ่มๆ หยดเบบี้ออยล์สักสองสามหยดขัดมันให้เงางาม

กำจัดคราบเหนียว :: ไม่ว่าจะเป็นคราบกาวหรือสติ๊กเกอร์ที่ต้องการจะลอกออกไม่ว่าจะเป็นคราบกาวหรือสติ๊กเกอร์ที่ต้องการจะลอกออก ละเลงเบบี้ออยล์ลงไปเล็กน้อยละเลงเบบี้ออยล์ลงไปเล็กน้อย แล้วใช้ผ้าเช็ดออกแล้วใช้ผ้าเช็ดออก (สำหรับสติ๊กเกอร์อาจต้องทิ้งไว้สักพักสำหรับสติ๊กเกอร์อาจต้องทิ้งไว้สักพัก และออกแรงในการขัดถูสักหน่อยและออกแรงในการขัดถูสักหน่อย) เบบี้ออยส์ยังเหมาะสำหรับการเช็ดคราบไคลและขี้หูออกได้ง่ายกว่าการใช้น้ำและยังปลอดภัยอีกด้วย

หล่อลื่น :: บบี้ออยล์สามารถใช้แทนน้ำมันหล่อลื่นตามบานพับประตูหรือที่ต่างๆเบบี้ออยล์สามารถ
ใช้แทนน้ำมันหล่อลื่นตามบานพับประตูหรือที่ต่างๆ ได้ดีไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็นคราบกาวหรือสติ๊กเกอร์ที่ต้องการจะลอกออกละเลงเบบี้ออยล์ลงไปเล็กน้อยแล้วใช้ผ้าเช็ดออกสำหรับสติ๊กเกอร์อาจต้องทิ้งไว้สักพักและออกแรงในการขัดถูสักหน่อย

ดูแลเครื่องหนัง :: หยดเบบี้ออยล์เล็กน้อยลงบนสำลีและใช้เช็ดทำความสะอาดกระเป๋าหรือรองเท้าหนังหยดเบบี้ออยล์เล็กน้อยลงบนสำลีและใช้เช็ดทำความสะอาดกระเป๋าหรือรองเท้าหนัง เพื่อให้มันสะอาดเอี่ยมและเงางาม

ทำความสะอาดมือ :: ถ้ามือของสาวๆ เปื้อนคราบน้ำมันล่ะก็ ให้สาวๆ จัดการละเลงเบบี้ออยล์ลงบนมือ มันจะกำจัดความมันออกได้อย่างหมดจดทันใจ ในห้องน้ำ :: ใช้เบบี้ออยล์ทาลงบนผิวก่อนการโกนขน(สาวๆ บางคนมีขนอ่อนๆที่แขน และบริเวณขา) มันจะทำให้โกนได้ง่ายและผิวนุ่มลื่นขึ้นด้วย


วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

25 ผักผลไม้ต้านไข้หวัด 2009

... ผักผลไม้ที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค



















ผักผลไม้ที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคได้นั้นจะต้องเป็นอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินเอ โฟเลต และโอเมก้า 3 สูงกว่าชาวบ้านและราคายังสบายกระเป๋า หาซื้อง่ายอีกด้วย อาหารพวกนี้ได้แก่ กระเทียม ฟังทอง เห็ดทุกชนิด หอมหัวใหญ่ แครอท ผักใบเขียวเข้ม บร็อคโคลี่ ผักโขม น้ำเต้า มันเทศ แคนตาลูป ผลไม้ตระกูลมะม่วง สับปะรด แตงโม อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง ชาเขียว



... ผักผลไม้ที่ช่วยต่อต้านไวรัส


















ส่วนผักผลไม้ที่จะช่วยต้านไวรัสได้นั้นก็ต้องขอยกให้แอปเปิ้ล กะหล่ำปลี กระเทียม มะนาว หอมใหญ่ พริกขี้หนู ลูกพรุน และน้ำผึ้ง ถ้ากินบ่อยๆเท่าไรเชื้อไวรัสก็จะไม่กล้ามาเบียดเบียนแน่นอน


วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เด็กมัธยมชอบทำอะไรใน "ห้องสมุด"

>> ไปอ่านหนังสือ

ยามเช้าก่อนเข้าแถวก็ไปอ่านหนังสือพิมพ์ ช่วงเที่ยงหลังทานข้าวก็ไปหาหนังสือแนวสนใจ หรือแม้กระทั่งช่วงเย็นรอเพื่อนกลับบ้านก็แวะเข้าไปเล่นอินเตอร์เน็ตสักหน่อย วัยรุ่นที่เข้าห้องสมุดไปด้วยเหตุผลนี้ คุณคือหนอนหนังสือที่น่ารักนี่เอง..

>> หาข้อมูลทำรายงาน

อาจารย์สั่งรายงานมา 10 หน้า หากเขียงเองคงได้แค่ 2 หน้ากว่าๆ ดังนั้นอีก 8 หน้าที่เหลือ วัยรุ่นส่วนใหญ่วางใจห้องสมุด เพื่อที่จะเข้าไปศึกษา ค้นคว้า และทำความเข้าใจ จึงไม่แปลกใจที่เวลารายงานเข้า วัยรุ่นก็จะเข้าห้องสมุดด้วยเช่นกัน..

>> ไปลอกการบ้าน

ด้วยความที่ในช่วงเช้าห้องสมุดจะเงียบ และห่างไกลอาจารย์ท่านต่างๆ วัยรุ่นวันซนทั้งหลายที่เผลอลืมลอก เอ๊ย ! ลืมทำการบ้านมา จึงเลือกทำเลนี้ในการคัดลอก และถ่ายสำเนาการบ้านด้วยมือ เมื่อสำเนาเสร็จก็ไปเข้าแถวเคารพธงชาติต่อไป

>> ไปหลับพักผ่อน

หนึ่งในมุมที่จะเงียบ สงบ และหลบผู้คนได้ดีที่สุดในโรงเรียนนั้น คงจะหนีไม่พ้นห้องสมุด ที่มีชั้นหนังสือ และซอกมุมต่างให้เล่นซ่อนแอบ ประกอบกับอากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศ และความเงียบจึงทำให้หลายคนได้เข้าเฝ้าพระอินทร์สมใจหวัง

>> เหล่หนุ่มสาวที่แอบปลื้ม

ไม่ต้องแปลกใจที่เห็นเพื่อนบางคนเข้าไปในห้องสมุด แต่ไม่หยิบหนังสือมาอ่าน มาเพ่งดูเลยซักเล่ม ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า เพื่อนคนนั้นเขากำลังจ้อง หรือเหล่ใครบางคนอยู่ เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ถึงขนาดมีคำติดปากที่ว่า “มนต์รักห้องสมุด”

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สีร่มบอก "สเป็ก" คนแอบชอบ




ร่มสีแดง แสดงออกได้ว่าการที่น้องๆ จะตกหลุมรักใครสักคน ไม่ได้พิจารณาเฉพาะแต่ในเรื่องนิสัยใจคอเท่านั้น แต่ยังพิจารณาถึงรูปร่างหน้าตาเป็นส่วนสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของรูปร่างที่น้องๆ ดูจะชอบคนที่ดูแข็งแรงเป็นพิเศษ

ร่มสีเขียว
ชอบผู้ชายที่มีลักษณะเป็นผู้นำ มีความสามารถทางวาทะศิลป์ พูดจาเก่ง มีหลักการ และที่สำคัญต้องเป็นคนมีน้ำจิตน้ำใจ และจากการที่น้องๆ เป็นคนที่สนิทกับผู้อื่นยาก หรือขาดความมั่นใจในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ น้องๆ จึงมองหาผู้ชายที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี

ร่มสีม่วง ประโยคที่ว่า "ถึงจนทนกัดก้อนเกลือกิน" คงใช้ไม่ได้กับน้องๆ แน่ เพราะผู้ชายที่เลือกมาเป็นแฟนนั้น ต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ มีฐานะดี หรือว่าถ้าฐานะไม่ร่ำรวยมากมีแค่พอใช้ก็ต้องเป็นคนที่แต่งตัวให้ดูดี รสนิยมมีระดับ

ร่มสีน้ำเงิน คุณสมบัติสำคัญ คือ ต้องเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ น้องๆ จะปลื้มพิเศษผู้ชายคนนั้นมากถ้าสามารถทำอะไรก็ตามที่ตัวเราทำไม่ได้หรือรู้อะไรในสิ่งที่เราไม่รู้ ในด้านความโรแมนติคนั้น น้องๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากสักเท่าไหร่ แฟนจะโรแมนติคหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าขอให้เป็นคนเก่งเป็นพอ

ร่มสีดำ ชอบผู้ชายที่จริงจังกับชีวิต ตั้งใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังกระทำอยู่ นอกจากนี้ยังชอบผู้ชายที่เข้มแข็ง สามารถปกป้อง คุ้มครองน้องๆ ได้เป็นอย่างดี มีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว กล้าพูดกล้าทำในทุกสิ่ง

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 อันดับ มหาวิทยาลัย ที่ดีที่สุดในโลก !!!!!!



1 Harvard University US














2 California University Berkeley US













3 Massachusetts Institute of Technology US













4 California Institute of Technology US












5 Oxford University UK















6 Cambridge University UK














7 Stanford University US
















8 Yale University US


















9 Princeton University US














10 ETH Zurich CH